วันจันทร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2558

                              วิธีระบายสีไม้อย่างไรให้สวยงาม
          
                        เด็กหลายๆ คนอาจจะอยากระบายสีให้สวย  เเต่บางคนอาจจะมีความสามารถในการลงสีไม่เท่ากัน  วันนี้พี่โอปอจะมาสอนการระบายสีที่สวยงามกันน่ะค่ะ

การระบายสีนั้นต้องใช้จินตนาการอย่าเคร่งเครียดให้ผ่อนคลาย  เปิดเพลงฟังไปด้วยก็ได้จะช่วยให้  อารมณ์ในการระบายสีสุนทรีขึ้น
1. ใช้สีเเหลมตัดเสันเพื่อความคมชัดของภาพ ใช้สีอะไรก็ได้เเต่สีที่นิยมคือ  สีดำ จะช่วยให้ภาพเกิดความโดดเด่นขึ้น 
2.  ระบายให้เกิดเงา จะช่วยให้ภาพน่ามองมีมิติมากขึ้น
3.  ใช้สีที่มีสีสันสวยงามมีการผสมสี  ความกลมกลืนของสี จะช่วยให้ภาพสวยงามมากยิ่งขึ้น
4.  ระบายให้เป็นเส้นๆ เกิดมิติ

                                                                หลักการใช้สี

หลักการใช้สี ( Principles of Colour Using )

จากทฤษฎีสี สีที่เกิดขึ้นในวงจรสีนั้น ต่างมีคุณลักษณะต่างๆที่สามารถนำมาใช้ในการสร้างสรรค์งานด้านศิลปะ งานออกแบบ หรืองานอื่นๆที่เกี่ยวข้องได้มากมาย การใช้สี หรือการนำสีไปใช้ในลักษณะต่างๆ เป็นการประยุกต์หรือดัดแปลงไปจากการจัดระบบสี เพื่อสร้างสรรค์สิ่งใดๆ ควรคำนึงถึงความเหมาะในด้านต่างๆ เช่น ความสวยงาม ความกลมกลืน ความน่าสนใจ และความสอดคล้อง กับเป้าหมายหรือวัตถุประสงค์ของงาน เพราะสีสามารถทำให้ผลงานนั้นดูมีคุณค่า และด้อยค่าลงได้หากใช้ไม่อย่างถูกต้อง ดังนั้นการใช้สีจึงจำเป็นต้องคำนึงถึงหลักการของสี เพื่อให้ได้ผลงานที่ถูกต้องสมบูรณ์ที่สุด ซึ่งหลักการใช้สีมีอยู่หลายประการดังนี้
1. การใช้สีเอกรงค์ (Monochrome) หมายถึง การใช้สี สีเดียว หรือการใช้สีที่แสดงความเด่นชัดออกมาเพียงสีเดียว แต่มีการลดหลั่นกันในเรื่องน้ำหนักสี เพื่อให้เกิดความแตกต่าง วิธีการใช้สีเอกรงค์ คือจะใช้สีใดสีหนึ่งที่เป็นสีแท้(Hue)หรือมีความสด (Intensity) เป็นตัวยืนเพียงสีเดียวให้เป็นจุดเด่นของภาพ ส่วนประกอบรอบๆนั้นจะใช้สีเดียวกันแต่ลดความสดของสีให้น้อยกว่าสีหลัก สีที่นำมาเป็นส่วนประกอบอาจแบ่งน้ำหนักได้ตั้งแต่ 3 - 6 สี (ภาพที่ 7 )
Monochrome
กำหนดสีน้ำเงินเป็นสีหลักของภาพและเพิ่มน้ำหนักอ่อน-แก่ของสีให้แตกต่างกัน (ผลงานภาพพิมพ์ของ ชลสินธุ์ ช่อสกุล)
Monochrome
2. การใช้สีกลมกลืน (Harmony) หมายถึง การเคียงคู่กันของสีต่างๆ ซึ่งไปด้วยกันโดยไม่ขัดแย้ง หรือตัดกัน ความกลมกลืนของสีทำได้หลายลักษณะคือ
2.1 กลมกลืนด้วยค่าของน้ำหนักของสีๆเดียว (Total Value Harmony) คือการใช้สียืนเพียงสีเดียว แต่มีค่าหลายน้ำหนัก หรือเป็นแบบเดียวกับ สีเอกรงค์ อาจใช้การผสมสีขาวให้น้ำหนักอ่อนลง และผสมดำให้น้ำหนักเข้มขึ้น (ภาพที่ 8)
Total Value Harmony
การใช้สีกลมกลืนโดยการแบ่งน้ำหนักของสีๆเดียว เป็นการแบ่งน้ำหนักของสีด้วยการใช้สีขาวและสีดำผสมกับสีน้ำเงินซึ่งเป็นสีหลัก (ผลงานของ สิราภรณ์ กัจนา)

2.2 กลมกลืนโดยใช้สีใกล้เคียง (Symple Harmony) เป็นการใช้สีข้างเคียงกันในวงจรสีซึ่งมีลักษณะสีใกล้เคียงกัน เช่น ม่วง - ม่วงน้ำเงิน - น้ำเงิน หรือ เขียวเหลือง - เขียว - เขียวน้ำเงิน (ภาพที่ 9)
Symple Harmony
ตัวอย่างการใช้สีกลมกลืนโดยใช้ใกล้เคียงกันในวงจรสี สีที่ใช้ได้แก่ สีเขียวเหลือง, เขียว, น้ำเงิน, เขียวน้ำเงิน
Sympel Harmony
2.3 สีกลมกลืนโดยใช้สีคู่ผสม (Two Colours Mixing) หมายถึง สีคู่ใดคู่หนึ่งที่ผสมกันแล้วได้สีที่3 เช่น สีน้ำเงิน ผสมกับสีเหลืองได้สีเขียว แล้วน้ำทั้ง 3สี มาใช้ในงานเดียวกัน (ภาพที่ 10)

ภาพที่10 ตัวอย่างการใช้สีกลมกลืนโดยใช้สีคู่ผสม
เป็นการใช้สีทั้ง 3สี ได้แก่ สีแดง สีเหลือง และสีส้ม จากการผสมระหว่างสีแดง กับสีเหลือง
(ผลงานของ จุพงศ์ ริมวิเชียร)
Tone
2.4 สีกลมกลืนโดยใช้วรรณะของสี (Tone) หมายถึง นำสีในกลุ่มวรรณะเดียวกันมาจัดอยู่ด้วยกัน เช่น สีในวรรณะร้อน เช่น แดง ส้ม เหลือง ม่วงแดง หรือสีในวรรณะเย็น ได้แก่ น้ำเงิน ม่วง เขียว เขียวน้ำเงิน เป็นต้น (ภาพที่ 11)
Tone
ภาพที่ 11 ตัวอย่างการใช้สีกลมกลืนโดยใช้วรรณะของสี
เป็นการใช้สีในวรรณะเย็นเกือบทั้งหมด ซึ่งได้แก่ สีเขียว สีม่วง สีน้ำเงิน สีเขียวน้ำเงิน ฯลฯ
(ผลงานของ ประสิทธิ์ เสาวภาคย์พงษ์)

3. การสร้างสภาพสีโดยรวม (Tonality)
หมายถึง การทำให้เป็นสีโดยภาพรวม หรือเป็นโครงสีส่วนใหญ่ที่ปกคลุมหรือครอบงำสีอื่นอยู่ ถึงแม้ในรายละเอียดส่วนอื่นอาจมีสีอื่นๆปะปนอยู่ก็ตาม แต่ก็ไม่ทำให้สภาพสีโดยรวมขัดแย้งกันเกินไป การใช้สีโดยรวมช่วยให้ภาพมีความกลมกลืนและมีเอกภาพ (ภาพที่ 12)
ภาพที่ 12 ตัวอย่างการสร้างสภาพสีโดยรวม
สีโดยรวมของภาพเป็นสีน้ำเงิน แม้ในรายละเอียดจะมีสีเหลือง สีขาว ปะปนอยู่ แต่ไม่ทำให้โครงสีของภาพ ดูสับสนจนเกินไป (ผลงานของ William Harnett)
5. การใช้สีขัดกัน (Discord)
หมายถึง การกลับค่าของน้ำหนักระหว่างสีแก่กับสีอ่อน โดยการกลับสีที่แก่มาเป็นสีอ่อนด้วยการผสมสีขาว หรือทำให้เจือจางลง เพื่อให้มีน้ำหนักอ่อนกว่าอีกสีหนึ่งที่เป็นสีที่อ่อน แต่ปรับให้เป็นสีแก่โดยการผสมดำ หรือสีเข้ม เพื่อเพิ่มน้ำหนักสีให้เข้มขึ้น แล้วนำมาจัดเข้าด้วยกันเพื่อสร้างความแตกต่างหรือความขัดแย้งที่เหมาะสม ทำให้ผลงานดูมีจังหวะ น่าสนใจกว่าการใช้สีกลมกลืนซึ่งอาจดูซ้ำๆ และจืดชืด
การกลับค่าของสี มักใช้เพื่อแต่งแต้มภาพเป็นบางจุดให้เกิดความน่าสนใจ ซึ่งมักจะใช้คู่สีระหว่างสีแก่กับสีอ่อนที่มีความเข้มต่างกันอย่างชัดเจน เช่น โครงสีของภาพเป็นสีเหลืองซึ่งเป็นสีอ่อน แต่กลับเพิ่มน้ำหนักสีให้เข้มขึ้น ขณะเดียวกัน ก็นำสีม่วงซึ่งเป็นสีแก่มาลดค่าน้ำหนักลงให้อ่อนกว่าสีเหลือง โดยการนำมาเป็นส่วนประกอบในปริมาณน้อย จะทำให้ภาพไม่จืดชืดและน่าสนใจขึ้น (ภาพที่ 13)
Discord
ภาพที่ 13 ตัวอย่างการใช้สีขัดกัน
เป็นการกลับค่าสีของสีแก่คือแต้มสีน้ำเงินกับสีเขียวในส่วนที่เป็นจุดสว่าง (High Light) ของต้นไม้และเพิ่มน้ำหนักสีขาวเป็นเทาและน้ำตาล ทำให้ภาพดูสวยงาม (ผลงานของJohn F.Carlson.)Discord
6. ระยะของสี (Perspective of Colour)
หมายถึง การใช้สีซึ่งมีผลต่อความรู้สึกเรื่องระยะใกล้ไกลของภาพ โดยการนำสีแท้มาผสมให้สีหม่นลงโดยการทำให้เป็นสีกลาง เช่น การผสมสีตรงกันข้าม หรือสีกลาง เพื่อบ่งบอกระยะ ซึ่งโดยทั่วไปแบ่งเป็น 3 ระยะ คือ ระยะใกล้ (Foreground) ระยะกลาง (Middleground) และระยะไกล (Background) โดยมีหลักการให้สีคือ สีระยะใกล้สามารถใช้สีสด หรือเข้ม กว่าระยะที่ไกลออกไป สีที่อยู่ไกลออกไปมากเท่าใดค่าน้ำหนักสีก็จะอ่อนและจะดูเป็นสีกลางมากยิ่งขึ้น เช่น ภาพทิวทัศน์ ที่บ่งบอกถึงระยะใกล้ไกล และช่วงเวลา ซึ่งสีจะเป็นตัวช่วยสร้างบรรยากาศให้ภาพได้เป็นอย่างดี
Perspective
ภาพที่ 14 ตัวอย่างภาพที่ใช้สีบอกระยะของภาพ
การให้สีระยะใกล้จะสด เด่นชัด กว่าสีในระยะไกลที่เริ่มจาง หม่น และมีน้ำหนักอ่อนลง
7. จุดเด่นจากสี ( Dominance)
หมายถึง การใช้สีที่ทำให้ส่วนสำคัญมีความเด่นชัดสะดุดตาเป็นแห่งแรก หรือเป็นจุดที่ดึงดูดความสนใจจากผู้ดูมากที่สุดในผลงานนั้น การทำให้เกิดจุดเด่นจะขึ้นอยู่กับการเลือกใช้สี โดยอาจเลือกใช้สีที่ส่งเสริมให้เกิดพลังสีเด่น ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนพื้น และส่วนเด่นหรือจุดสนใจ ซึ่งมีหลายเทคนิควิธี เช่น การใช้สีตัดกัน หรือคู่ตรงข้ามกัน เช่น พื้นสีน้ำเงิน จุดเด่นสีเหลือง , การให้จุดเด่นเป็นสีแท้ ส่วนพื้นเป็นสีที่ถูกลดน้ำหนักลงโดยการทำให้สีหม่น สีนวล สีคล้ำ หรืออาจใช้สีดำเพื่อขับให้สีแท้ยิ่งเด่นชัดขึ้น (ภาพที่ 15)

Dominance
ภาพที่15 ตัวอย่างการทำให้ผลงานดูเด่นด้วยการใช้สีเป็นการให้สีส่วนที่เป็นจุดเด่นจะใช้สีเหลืองสด (สีแท้) ส่วนพื้นใช้สีดำและสีเข้มแต่ทำให้น้ำหนักหม่นลง (ผลงานของ Chen Chu Dian)
Dominance


Read more: http://www.novabizz.com/CDC/Interior/Interior_Colour03.htm#ixzz3hkvF7oum
                                รูปภาพระบายจากสี 3 ชนิด
รูปภาพจากสีน้ำ                                                
                                
      




  
  
               







 รูปจากสีไม้

   

รูปจากสีโปสเตอร์
                                                
                               เทคนิคพิเศษในการระบายสี
 
1. เทคนิคการทำสีกลมกลืน (Pastel Sketch Techniques)

       เป็น เทตนิคการทำสีให้กลมกลืน โดนเริ่มจากระบายสีอ่อนไปหาสีเข้ม การระบายสีต้องเลือกสีที่กลมกลืนกัน และระบายต่อเนื่องให้มีน้ำหนักเท่า ๆ กัน ให้สีผสมกันไปในตัว ไม่แยกออกเป็นชั้น ๆ อาจใช้สำลีก้าน (Cottonbud) เกลี่ยสีให้เรียบเป็นเนื้อเดียวกัน

2. เทคนิคการทำสีเข้ม (Solid Color Techniques)

       เป็น เทคนิคที่ใช้ เมื่อต้องการให้สีมีความเข้มมาก หรือต้องการให้สีดูมีน้ำหนัก เพื่อเน้นความคมชัด และเห็นความแตกต่างของน้ำหนักสีอย่างชัดเจน มักใช้ในขั้นตอนที่ 4 ของการระบายสี เริ่มจากการฝนสีให้ได้น้ำหนักเข้มตามต้องการ ควรระบายสีให้มีน้ำหนักสม่ำเสมอกัน ถ้าต้องการให้เห็นความแตกต่างให้ลงสีทึบคู่กับสีอ่อน จะทำให้เกิดแสงเงาบนภาพที่แตกต่างกันออกไป หรือถ้าลงสีเข้มตลอดทั้งภาพ จะได้ภาพที่คมชัดคล้ายภาพพิมพ์

3. เทคนิคการทำไฮไลต์ (Highlight Techniques)

       เป็น เทคนิคการเพิ่มแสงเงา เพื่อให้เกิดความโดดเด่นในภาพ ภาพจะดูมีมิติขึ้นมา ไม่แบนราบเกินไป การทำให้ภาพเกิดแสงเงา ทำได้โดยใช้สีขาว สีครีม หรือสีเนื้อ ระบายทับลงบนสีเดิมเฉพาะส่วนที่ต้องการให้เกิดความนูน หรือความสว่างที่เรียกว่า "ไฮไลต์"
นอกจากนี้อาจใช้เทคนิคการเว้นที่ ว่างเฉพาะส่วนเอาไว้บนพื้นสีเข้ม เพื่อเพิ่มสีอ่อนลงไปภายหลัง จะทำให้เกิดแสงสว่างหรือจุดไฮไลต์ขึ้นมาได้เช่นกัน

4. เทคนิคการใช้สีน้ำมัน (Oil Wash Techiques)

      นอก จากดินสอสีน้ำมันแล้ว ยังใช้สีน้ำมันชนิดน้ำได้ด้วย โดยผสมสีน้ำมัน 3 ส่วน กับน้ำมันสน 1 ส่วน ผสมให้ได้สีตามต้องการ ใช้ภู่กันระบายทิ้งไว้ให้แห้ง 3-7 วัน ระวังอย่าระบายทับลวดลายที่วาดด้วยปากกาความร้อนไว้แล้ว ถ้าต้องการเน้นเส้นกรอบก้สามารถวาดเพิ่มได้หลังระบายสีแล้ว

5. เทคนิคการใช้สีอะครีลิค (Acrylic Colour Techniques)

      นอก จากดินสอสีน้ำมัน และสีน้ำมันชนิดน้ำแล้ว ยังมีสีที่ใช้ได้อีกชนิดหนึ่งคือสีอะครีลิก ซึ่งเป็นสีที่ใช้สะดวก แค่ผสมสีกับน้ำก้สามารถใช้งานได้แล้ว ส่วนการล้างภู่กันก็ใช้น้ำธรรมดาเช่นกัน สีอะครีลิกระบายง่ายและแห้งเร็วภายในเวลา 2-3 ชั่วโมง แต่ถ้าทิ้งให้แห้งสนิทจริง ๆ ใช้เวลาประมาณ 3 วัน จึงจะลงลวดลายปากกาความร้อนเพิ่มเติมได้
                                                        
                                      การระบายสี
 การระบายสีเป็นการใช้อารมณ์ศิลปะในการ  วาดภาพเเละลงสี สีนั้นก็มีหลายชนิดแตกต่างกันไป   เเต่ละคนก็จะมีความชอบในการระบายที่ต่างกัน  บางคนชอบสีไม้บางคนชอบสีน้ำเเล้วเเต่ความถนัดของเเต่ละบุคคล

ชนิดของสี
  สีน้ำ   WATER COLOUR
    สีน้ำ เป็น สีที่ใช้กันมาตั้งแต่โบราณ ทั้งในแถบยุโรป และเอเชีย โดยเฉพาะจีน และญี่ปุ่น
ซึ่งมีความสามารถในการระบายสีน้ำ      แต่ในอดีตการระบายสีน้ำมักใช้เพียงสีเดียว    คือ สีดำ
ผู้ที่จะระบายได้อย่างสวยงามจะต้องมีทักษะการใช้พู่กันที่สูงมาก         การระบายสีน้ำจะใช้น้ำ

เป็นส่วนผสม และทำละลายให้เจือจาง    ในการใช้สีน้ำ ไม่นิยมใช้สีขาวผสมเพื่อให้มีน้ำหนัก
อ่อนลง และไม่นิยมใช้สีดำผสมให้มีน้ำหนักเข้มขึ้น        เพราะจะทำให้เกิดน้ำหนักมืดเกินไป
แต่จะใช้สีกลางหรือสีตรงข้ามผสมแทน ลักษณะของภาพวาดสีน้ำ    จะมีลักษณะใส  บาง และ
สะอาด การระบายสีน้ำต้องใช้ความชำนาญสูงเพราะผิดพลาดแล้วจะแก้ไขยากจะระบายซ้ำ ๆ
ทับกันมาก ๆ ไม่ได้จะทำให้ภาพออกมามีสีขุ่น ๆ ไม่น่าดู หรือที่เรียกว่า สีเน่า  สีน้ำที่มีจำหน่าย
ในปัจจุบัน จะบรรจุในหลอด เป็นเนื้อสีฝุ่นที่ผสมกับกาวอะราบิค ซึ่งเป็นกาวที่สามารถละลาย
น้ำได้ มีทั้งลักษณะที่โปร่งแสง ( Transparent ) และกึ่งทึบแสง ( Semi-Opaque )    ซึ่งจะมี
ระบุ
ไว้ข้างหลอด  สีน้ำนิยมระบายบนกระดาษที่มีผิวขรุขระ หยาบ
สีโปสเตอร์   POSTER  COLOUR
   สีโปสเตอร์  เป็นสีชนิดสีฝุ่น (Tempera) ที่ผสมกาวน้ำบรรจุเสร็จเป็นขวด  การใช้งานเหมือน
กับสีน้ำ คือใช้น้ำเป็นตัวผสมให้เจือจาง     สีโปสเตอร์เป็นสีทึบแสง มีเนื้อสีข้น สามารถระบายให้มี
เนื้อเรียบได้    และผสมสีขาวให้มีน้ำหนักอ่อนลงได้เหมือนกับสีน้ำมัน  หรือสีอะครีลิค       สามารถ
ระบายสีทับกันได้  มักใช้ในการวาดภาพ  ภาพประกอบเรื่อง   ในงานออกแบบ ต่าง   ๆ    ได้สะดวก
ในขวดสีโปสเตอร์มีส่วนผสมของกลีเซอรีน จะทำให้แห้งเร็ว
สีชอล์ค  PASTEL
   สีชอล์ค  เป็นสีฝุ่นผงละเอียดบริสุทธิ์นำมาอัดเป็นแท่ง ใช้ในการวาดภาพ มากว่า 250 ปีแล้ว
ปัจจุบัน มีการผสมขี้ผึ้งหรือกาวยางไม้เข้าไปด้วยแล้วอัดเป็นแท่งในลักษณะของดินสอสี  แต่มีเนื้อ
ละเอียดกว่า  แท่งใหญ่กว่า และมีราคาแพงกว่ามาก  มักใช้ในการวาดภาพเหมือน
สีฝุ่น  TEMPERA
   สีฝุ่น เป็นสีเริ่มแรกของมนุษย์ ได้มาจากธรรมชาติ ดิน หิน แร่ธาตุ พืช  สัตว์ นำมาทำให้ละเอียด
เป็นผง ผสมกาวและน้ำ กาวทำมาจากหนังสัตว์ กระดูกสัตว์ สำหรับช่างจิตรกรรมไทยใช้     ยางมะขวิด
หรือกาวกระถิน ซึ่งเป็นตัวช่วยให้สีเกาะติดพื้นผิวหน้าวัตถุไม่หลุดได้โดยง่าย  ในยุโรปนิยมเขียนสีฝุ่น
โดยผสมกับกาวยาง กาวน้ำ หรือไข่ขาว สีฝุ่นเป็นสีที่มีลักษณะทึบแสง มีเนื้อสีค่อนข้างหนา  เขียนสีทับ
กันได้ สีฝุ่นมักใช้ในการเขียนภาพทั่วไป     โดยเฉพาะภาพฝาผนัง  ในสมัยหนึ่งนิยมเขียนภาพผาฝนัง
ที่เรียกว่า สีปูนเปียก (Fresco) โดยใช้สีฝุ่นเขียนในขณะที่ปูนที่ฉาบผนังยังไม่แห้งดี  เนื้อสีจะซึมเข้าไป
ในเนื้อปูนทำให้ภาพไม่หลุดลอกง่าย สีฝุ่นในปัจจุบัน มีลักษณะเป็นผง เมื่อใช้งานนำมาผสมกับน้ำโดย
ไม่ต้องผสมกาว เนื่องจากในกระบวนการผลิตได้ทำการผสมมาแล้ว  การใช้งานหมือนกับสีโปสเตอร์
ดินสอสี  CRAYON
   ดินสอสี   เป็นสีผงละเอียด ผสมกับขี้ผึ้งหรือไขสัตว์  นำมาอัดให้เป็นแท่งอยู่ในลักษณะของดินสอ
 เพื่อให้เหมาะสำหรับเด็ก ๆ ใช้งาน มีลักษณะคล้ายกับสีชอล์ค แต่เป็นสีที่มีราคาถูก  เนื่องจากมีส่วนผสม
อื่น ๆ ปะปนอยู่มาก มีเนื้อสีน้อยกว่า ปัจจุบันมีการพัฒนาให้สามารถละลายน้ำ หรือน้ำมันได้  โดยเมื่อใช้
ดินสอสีระบายสีแล้วนำพู่กันจุ่มน้ำมาระบายต่อ ทำให้มีลักษณะคล้ายกับภาพสีน้ำ ( Aquarelle ) บางชนิด
สามารถละลายได้ในน้ำมัน ซึ่งทำให้กันน้ำได้
สีเทียน   OIL PASTEL
   สีเทียนหรือสีเทียนน้ำมัน เป็นสีฝุ่นผงละเอียด ผสมกับไขมันสัตว์หรือขี้ผึ้ง แล้วนำมาอัดเป็นแท่ง
มีลักษณะทึบแสง สามารถเขียนทับกันได้  การใช้สีอ่อนทับสีเข้มจะมองเห็นพื้นสีเดิมอยู่บ้าง  การผสมสี
อื่น ๆใช้การเขียนทับกัน สีเทียนน้ำมันมักไม่เกาะติดพื้น สามารถขูดสีออกได้ และกันน้ำ   ถ้าต้องการให้
สีติดแน่นทนนาน จะมีสารพ่นเคลือบผิวหน้าสี  สีเทียนหรือสีเทียนน้ำมัน มักใช้เป็นสีฝึกหัดสำหรับเด็ก
เนื่องจากใช้ง่าย ไม่ยุ่งยาก ไม่เลอะเทอะเปรอะเปื้อน และมีราคาถูก
สีอะครีลิค  ACRYLIC  COLOUR
 สีอะครีลิค  เป็นสีที่มีส่วนผสมของสารพลาสติกโพลีเมอร์ ( Polymer) จำพวก อะครีลิค ( Acrylic ) หรือ
ไวนิล ( Vinyl ) เป็นสีที่มีการผลิตขึ้นมาใหม่ล่าสุด วลาจะใช้นำมาผสมกับน้ำ  ใช้งานได้เหมือนกับสีน้ำ
และสีน้ำมัน มีทั้งแบบโปร่งแสง และทึบแสง แต่จะแห้งเร็วกว่าสีน้ำมัน 1 - 6 ชั่วโมง  เมื่อแห้งแล้วจะมี
คุณสมบัติกันน้ำได้และเป็นสีที่ติดแน่นทนนาน  คงทนต่อสภาพดินฟ้าอากาศ สามารถเก็บไว้ได้นาน ๆ
ยึดเกาะติดผิวหน้าวัตถุได้ดี    เมื่อระบายสีแล้วอาจใช้น้ำยาวานิช  ( Vanish )  เคลือบผิวหน้าเพื่อป้องกัน
การขูดขีด เพื่อให้คงทนมากยิ่งขึ้น  สีอะครีลิคที่ใช้วาดภาพบรรจุในหลอด  มีราคาค่อนข้างแพง
สีน้ำมัน  OIL  COLOUR
   สีน้ำมัน ผลิตจากการผสมของสีฝุ่นกับน้ำมัน ซึ่งเป็นน้ำมันจากพืช เช่น น้ำมันลินสีด ( Linseed )
ซึ่งกลั่นมาจากต้นแฟลกซ์  หรือน้ำมันจากเมล็ดป๊อบปี้        สีน้ำมันเป็นสีทึบแสง เวลาระบายมักใช้สีขาว
ผสมให้ได้น้ำหนักอ่อนแก่  งานวาดภาพสีน้ำมัน มักเขียนลงบนผ้าใบ  (Canvas )  มีความคงทนมากและ
กันน้ำ ศิลปินรู้จักใช้สีน้ำมันวาดภาพมาหลายร้อยปีแล้ว  การวาดภาพสีน้ำมัน อาจใช้เวลาเป็นเดือนหรือ
เป็นปีก็ได้ เนื่องจากสีน้ำมันแห้งช้ามาก ทำให้ไม่ต้องรีบร้อน สามารถวาดภาพสีน้ำมันที่มีขนาดใหญ่ ๆ
และสามารถแก้ไขงาน ด้วยการเขียนทับงานเดิม  สีน้ำมันสำหรับเขียนภาพจะบรรจุในหลอด  ซึ่งมีราคา
สูงต่ำขึ้นอยู่กับคุณภาพ  การใช้งานจะผสมด้วยน้ำมันลินสีด  ซึ่งจะทำให้เหนียวและเป็นมัน    แต่ถ้าใช้
น้ำมันสน จะทำให้แห้งเร็วขึ้นและสีด้าน พู่กันที่ใช้ระบายสีน้ำมันเป็นพู่กันแบนที่มีขนแข็งๆ   สีน้ำมัน
เป็นสีที่ศิลปินส่วนใหญ่นิยมใช้วาดภาพ มาตั้งแต่สมัยเรอเนซองส์ยุคปลาย